Last updated: 26 เม.ย 2567 | 637 จำนวนผู้เข้าชม |
วันที่ดี พูดง่ายแต่สร้างเองได้ไหม? เพราะชีวิตจริงเราไม่อาจหลีกหนีเหตุการณ์ต่างๆ ที่อยู่เหนือการควบคุมของเราได้ ดังนั้นวันที่ดีก็อาจจะขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถจัดการความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดขึ้นมาได้มากแค่ไหน เพื่อให้วันนั้นเป็นวันที่ดีของเราขึ้นมาได้ เราชวนคุณโอ แพนิคที่รัก ผู้เขียนหนังสือ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี มาร่วมแชร์มุมมองที่จะพาให้ทุกคนมีวันที่ดีไปด้วยกันครับ
มีประโยคหนึ่งที่ผมชอบเขากล่าวไว้ว่า ชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตเราเลือกเดิน เพราะโชคชะตาพาเรื่องไม่คาดคิดเข้ามาในชีวิตเราตลอดเวลา ดีบ้าง ร้ายบ้างปะปนกันไป และแม้เราจะพยายามบริหารจัดการความเสี่ยงให้เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับเราน้อยที่สุด แต่เรื่องบางเรื่องป้องกันยังไงมันก็เกิดขึ้นอยู่ดี ถ้าหากเราเอา วันที่ดี ไปผูกไว้กับความคาดหวังว่าทุกอย่างต้องได้อย่างใจ เราก็คงพบกับความผิดหวังอยู่บ่อยๆ และไม่ค่อยได้มีวันดีๆ กลายเป็นว่าตัวเราเองนั่นแหละตั้งข้อแม้ในการมีความสุข ดังนั้นการที่จะมีวันที่ดีได้ ไม่ใช่เพราะเราคาดหวังให้ชีวิตไม่เกิดปัญหา แต่อยู่ที่การเตรียมตัวเองให้พร้อมที่จะมี สติ และ ปัญญา ในการจัดการปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา แน่นอนว่าแม้แต่ผมเองก็ยังจัดการปัญหาต่างๆ ได้ไม่ดีนักในบางครั้ง แต่ก็พยายามเรียนรู้จากความผิดพลาดและตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดซ้ำ ทุกวันนี้ความคาดหวังผมต่ำลงมากๆ แค่ตื่นเช้าขึ้นมายังหายใจอยู่ก็ รู้สึกขอบคุณและคิดว่าโชคดีจัง... และเมื่อข้อแม้ของเราน้อยลง โอกาสที่จะมี วันที่ดี ก็จะมากขึ้นเอง
ไม่แปลกเลยที่จะมีความกังวลตั้งแต่เมื่อเรารู้สึกตัว บางวันผมเองก็คิดถึงปัญหาที่คาราคาซังตั้งแต่ยังไม่ทันจะลืมตาตื่น แต่สังเกตกันไหมว่าในชีวิตที่ผ่านมาความกังวลใจจะใหญ่กว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแทบทุกครั้ง แบบที่ว่าคิดกังวลในสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าไป 4-5 สถานการณ์ ว่าถ้าเป็นแบบนั้นแบบนี้จะทำอย่างไรดี แต่สุดท้ายกลายเป็นว่ากังวลเก้อ มีท่อนหนึ่งในเพลง Dont worry, be happy ที่ผมชอบฟังเมื่อรู้สึกท้อแท้และหมดหวังบอกไว้ว่า In every life we have some trouble. But when you worry, you make it double แปลได้ประมาณว่าทุกชีวิตหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอปัญหา แต่เมื่อเรากังวลเราทำให้ปัญหานั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ต่อไปเมื่อเราเจอกับความกังวล อยากให้ลองนึกแบบนี้จะได้กังวลน้อยลง เพราะความกังวลที่มากเกินไปไม่เคยช่วยทำให้อะไรๆ นั้นดีขึ้นเลย
แต่ละคนมีความเครียดในเรื่องต่างๆ ไม่เท่ากัน เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยมีคนมาปรึกษาและเรารู้สึกว่าปัญหานั้นช่างเล็กเหลือเกิน จึงไม่แปลกที่คนอื่นอาจจะมองปัญหาที่เรากำลังเผชิญว่าเป็นเรื่องแค่นั้นเอง นั่นเพราะไม่มีใครเข้าใจความทุกข์ของอีกคนได้แบบ 100% ที่เราทำได้คือเข้าใจว่าเขาไม่เข้าใจเรา และไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือความห่วงใยที่มีให้กัน
วันที่ดีและวันที่ร้ายอยู่ที่วิธีการมองของเรา ผมได้ดูรายการหนึ่งของทางญี่ปุ่นที่ไปสัมภาษณ์คนที่มาเยี่ยมชมวัดรูริโคจิ (Rurikoji) จังหวัดยามากุจิ ในช่วงที่มีการปิดซ่อมบำรุงเจดีย์ห้าชั้นในรอบ 70 ปี ซึ่งเจดีย์นี้เป็นมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดที่ว่าคนมาวัดแห่งนี้ก็เพื่อมาดูเจดีย์นี้ และทางรายการได้มีโอกาสสัมภาษณ์พระนิกายเซ็นท่านหนึ่งที่เดินทางมาเยี่ยมชมเจดีย์นี้ว่ารู้สึกอย่างไรบ้างที่เดินทางมาแล้วไม่ได้เห็นเจดีย์อย่างที่หวัง ท่านตอบกับทางรายการด้วยรอยยิ้มว่า คงมีหลายท่านที่รู้สึกเสียดายว่าเดินทางมาแต่ไม่ได้เห็นเจดีย์ห้าชั้น แต่หากมองกลับกัน ภาพการซ่อมบำรุงนี้ 70 ปี ถึงจะมีครั้งนึง ก็ถือว่าเป็นโชคดีที่ได้เห็น แม้บางครั้งชีวิตเราต้องได้พบเจอกับความยากลำบาก อยากให้เปรียบมันเหมือนวันที่ฝนตก ที่ยังไงฝนมันก็ตกอยู่ดี แต่เรายังสามารถเลือกได้ว่าเราจะวิ่งผ่านฝนนั้นไปด้วยความรู้สึกทุกข์ระทมและก่นด่าตัวเองที่ลืมเอาร่มมา หรือวิ่งฝ่าไปด้วยความสนุกสนานเหมือนเด็กเล่นน้ำฝน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปียกฝนได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะรู้สึกอย่างไรกับมัน
ผมรู้สึกว่าถ้าเรามีความเมตตาและปรารถนาดีให้แก่กันโลกนี้คงน่าอยู่มากขึ้น การอวยพรผู้อื่นว่า ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี โดยที่ใจคิดเช่นนั้นจริงๆ ก็เหมือนการที่เราส่งมอบพลังความอ่อนโยนนั้นให้แก่กัน และหากคนที่ได้รับและส่งความรู้สึกนั้นต่อๆ ไป ความทุกข์ใจของคนเราคงน้อยลง และที่สำคัญ อย่าลืมบอกกับตัวเองในทุกเช้าเช่นกันว่า ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี
30 ก.ค. 2567
24 ก.ย. 2567